{{ 'fb_in_app_browser_popup.desc' | translate }} {{ 'fb_in_app_browser_popup.copy_link' | translate }}
{{ 'in_app_browser_popup.desc' | translate }}
ส่วนที่มีขนตามร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น ขนรักแร้ ขนมือและเท้า ขนหัวหน่าว
ถ้าพูดถึงตามหน้าที่ของมันทางสรีรวิทยาแล้วนั้น… ขนพวกนี้จะมีหน้าที่ป้องกันแสงแดด
ป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้า และควบคุมอุณหภูมิของร่างกายของเราไว้
ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ หากสาวๆแต่ละคนมีความคิดแตกต่างกันออกไป
บางคนเลือกจะกำจัดขนตามส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อความสวยงาม
ซึ่งบริเวณที่คนนิยมกำจัดขนคือขนรักแร้ ขนมือ และขนเท้า
บางคนเลือกที่จะตกแต่งขนบริเวณหัวหน่าวสำหรับใส่บิกินี่ กางเกงหรือกระโปรงสั้น
แต่ในทางกลับกัน..บางคนก็เลือกที่จะเก็บขนตามส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อรักษาการทำงานทางกายภาพ
วิธีการกำจัดขนที่พบได้ทั่วไป มี 4 วิธี ดังนี้
1. มีดโกน
การใช้มีดโกนเป็นวิธีที่เร็วและถูกที่สุด
เช่นเดียวกับการโกนหนวดของผู้ชาย ให้ใช้ใบมีดพิเศษเพื่อกำจัดขนตามร่างกาย
จำเป็นต้องทำความสะอาดใบมีดทุกครั้งก่อนใช้งาน
แนะนำให้ ทำให้ขนเปียกก่อนและทามูสเพิ่ม ก่อนการโกนเพื่อลดการเสียดสีระหว่างใบมีดกับผิวหนัง
และเนื่องจากขนของเราจะขึ้นไวมากหลังโกน ฉะนั้นเวลาในการบำรุงผิวหลังโกนจะค่อนข้างจำกัด
เพราะหากขนเกิดขึ้นมาแล้ว ผิวไม่ได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสมหลังโกน
อาจทำให้ผิวบริเวณนั้นอักเสบ เกิดเป็นขนคุดได้
2. แว็กซ์
เป็นวิธีการใช้ขี้ผึ้งที่ผ่านการทำให้อุ่นและเหลว แล้วนำไปทาให้คลุมลงบนขนให้ทั่ว
รอให้ขี้ผึ้งเย็นลงแล้วจึงดึงแผ่นขี้ผึ้งออก
วิธีนี้เป็นอันตรายต่อผิวหนังน้อยกว่าการใช้มีดโกน
แต่ความเจ็บปวดนั้นก็อาจไม่ได้เป็นที่ยอมรับของทุกคน
ระยะเวลาของการกำจัดขนด้วยแว็กซ์ร้อนอาจมีประสิทธิภาพและนานกว่าการใช้มีดโกนเล็กน้อย แต่จะแตกต่างกัน แล้วแต่คน
เนื่องจากวงจรการเจริญเติบโตของขนที่แตกต่างกัน
แม้ว่าเราจะเคยได้ยินว่า การดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการไปแว๊กซ์ขนนั้น อาจจะช่วยทำให้สาวๆผ่อนความเจ็บลงได้บ้าง
แต่ความจริงแล้วนั้น การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้การแว๊กซ์ยากขึ้นไปอีกแถมยังเจ็บมากขึ้นอีกด้วย
3. ครีมกำจัดขน
ครีมกำจัดขนโดยทั่วไปนั้นมีสารเคมีแคลเซียม ไทโอไกลโคเลทซึ่งมีหน้าที่หลักในการละลายโปรตีน
ช่วยให้ขนเปลี่ยนรูปและเผาผลาญเคราติน
ดังนั้นครีมกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพซึ่งมีแคลเซียม ไทโอไกลโคเลทที่มีความเข้มข้นสูง
อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผื่นแดง และอาจทำให้เม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นได้
และด้วยเหตุผลนี้..ทุกประเทศจึงต้องมีข้อจำกัดเกี่ยวกับความเข้มข้นของแคลเซียมไธโอไกลโคเลต
ในหลายๆประเทศ ระบุประเภทของแคลเซียมไธโอไกลโคเลตเป็นประเภทของเครื่องสำอางค์
ซึ่งต้องมีปริมาณน้อยกว่า 5% ยกเว้นประเทศไต้หวัน
ที่ระบุเป็น สารเคมีทางการแพทย์ และทุกๆขั้นตอนในการขายและโฆษณา
จะต้องผ่านการตรวจสอบโดยรัฐบาลไต้หวันก่อนเท่านั้น
(ปริมาณสารแคลเซียมไธโอไกลโคเลตและเกลือของสารเคมี)
4. เลเซอร์กำจัดขน
เนื่องจากการเลเซอร์ขน เป็นการใช้ความร้อนในการทำลายเซลล์บริเวณรากขนให้ฝ่อ
หยุดการเจริญเติบโต เพื่อไม่ให้ขนงอกใหม่ได้
เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด มากกว่าการกำจัดขนวิธีอื่นๆ
ซึ่งจะใช้ระยะในการทำ 6 -8 ครั้ง ถึงจะสามารถกำจัดขนได้หมด
แต่ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะที่สุดเช่นกัน
ผิวของเราหลังจากโดนเลเซอร์จะบอบบางมาก
หากไม่ระวังหรือดูแลให้ดี อาจมีอาการแพ้ มีรอยคล้ำ แดงหรือบวมได้
และเมื่อเปรียบเทียบ สรุปทั้ง 4 วิธีแล้ว
ในด้านประสิทธิภาพของการกำจัดขน จะเห็นได้ชัดว่า การกำจัดขนด้วย 'เลเซอร์' มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่หากคำนึงถึงราคา ก็ต้องยอมรับว่า ยังไง'มีดโกน' ก็ราคาถูกที่สุด
และถ้าพูดถึงการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นหลังการกำจัดขน เพราะ'ครีมกำจัดขน'
มีส่วนผสมของสารเคมีที่ต้องควบคุม อาจทำให้เกิดโอกาสที่ผิวจะระคายเคืองได้ง่ายที่สุดเช่นกัน
แม้ว่าวิธีการกำจัดขนแต่ละวิธีจะมีความแตกต่างกัน
ในด้านการใช้ราคา ราคา และประสิทธิภาพในการกำจัดขน
สาวๆสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเองและเงินในกระเป๋าได้
แต่เพื่อให้สาวๆได้บรรลุความตั้งใจในการกำจัดขน
อย่าลืมพิจารณาสิ่งที่ต้องทำก่อน-หลังให้ดีก่อนเริ่มที่จะกำจัดขนด้วย
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ (ที่นี่)
หากทำได้ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดขนได้ดียิ่งขึ้น
🙂
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป ไม่ได้เจตนาเพื่อทดแทนการวินิจฉัยหรือการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ
หากมีคำถามเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล โปรดขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอีกครั้ง